Sbobet Sbobet888

ป๋าสดุดีดิ สเตฟาโน่ผู้จากไป

Shaw_Shank 2014-07-08 05:05:23 เฟอร์กูสัน, ดิ สเตฟาโน่
ป๋าสดุดีดิ สเตฟาโน่ผู้จากไป

เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผจก. แมนฯ ยูไนเต็ด สดุดีอัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ตำนานเรอัล มาดริดที่เพิ่งเสียชีวิต เป็น 1 ในผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลของวงการฟุตบอล

ดิ สเตฟาโน่ เสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากที่หัวใจวายเมื่อวันเสาร์ วันที่เขาอายุ 88 พอดิบพอดี ส่งผลให้อาการโคม่า

ดิ สเตฟาโน่ คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 5 สมัยติดกับเรอัล มาดริด ตั้งแต่ปี 1956-60 และยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศได้ทั้ง 5 เกม รวมถึงแฮตทริกต่อหน้าเฟอร์กูสันที่ไปดูเกมที่แฮมเดน พาร์ค ปี 1960

ดิ สเตฟาโน่ เป็นเจ้าของสถิติยิงประตูสูงสุดตลอดกาลเป็นอันดับสองรองจากราอูล และเป็นประธานกิติมศักดิ์ของเรอัล มาดริดด้วย ก่อนจะเสียชีวิต

"ใครคือผู้เล่นที่เก่งที่สุดคือคำถามที่ถามกันเสมอ" เฟอร์กูสันกล่าวกับ Sky Sports News

"ผู้เล่นที่อยู่ในลิสต์(ที่จะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก) ก็อย่างเช่น (โยฮัน) ครัฟฟ์, (ดีเอโก้) มาราโดน่า และเปเล่ แล้วก็มี (เฟเรนซ์) ปุสกัส และก็แน่นอนมีดิ สเตฟาโน่ ด้วยอีกคน ผมคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในความคิดผม"

"การทรงตัวของเขาน่าทึ่งมาก ถ้าคุณดูหนึ่งในหลายประตูที่เขาทำได้ในนัดชิงชนะเลิศกับแฟรงค์เฟิร์ตคราวนั้นจะเห็นเลยว่าการทรง และสมดุลของร่างกายที่ยอดเยี่ยมนั้นเป็นยังไง และเขาน่าทึ่งจริงๆ ตรงนี้"

"ผมเสียใจมากที่รู้ข่าว จริงอยู่ที่อายุเขา 88 แล้ว แต่ก็ช็อกไปเหมือนกัน ผมได้เจอเขาสองปีก่อน ก่อนเราจะลงสนามเจอเรอัล มาดริด และเขาดูแข็งแรงดีมาก"

ที่เฟอร์กูสันจำได้ไม่มีวันลืมก็คือการเข้าไปชมดิ สเตฟาโน่ กระหน่ำยิงแฟรงค์เฟิร์ต ในนัดที่เรอัล มาดริดไล่ถล่ม 7-3 และคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ เป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกัน

http://static.guim.co.uk/sys-images/Football/Pix/pictures/2010/10/17/1287323344883/Alfredo-Di-Stefano-006.jpg

(ดิ สเตฟาโน่ ยิงประตูที่สองของเรอัล นัดถล่มแฟรงค์เฟิร์ต 7-3 ปี 1960 ที่เฟอร์กูสันไปชมที่สนาม)

"ที่น่าทึ่งเกี่ยวกับมันก็คือว่า ผมเองเป็นแฟนเรนเจอร์ส และแฟรงค์เฟิร์ตถล่มเรนเจอร์ส รอบรองชนะเลิศ 6-3, 6-1 เรียกได้ว่าพวกเขาเทพมาก" เฟอร์กูสันกล่าว

"พวกเขา(เรนเจอร์ส)ไปที่แฮมเดน พาร์ค และโดนเรอัล มาดริดขยี้ 7-3 ผมอยู่ที่นั่นด้วย ตอนนั้นยังเป็นนักเรียนอยู่เลย มันเป็นประสบการณ์ที่วิเศษมาก"

"เป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าจบเกมแล้วนักฟุตบอลมีการวิ่งไปรอบสนาม แฟนบอลชาวสกอตต์ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน"

"10 ประตูในนัดชิงชนะเลิศ คุณไม่มีวันได้เห็นมันอีกแน่ มันเป็นยุคทองของเรอัล มาดริด พวกเขาได้แชมป์ 5 สมัยติดต่อกัน และดิ สเตฟาโน่ ยิงได้ทั้ง 5 นัด"

ทั้งสองโคจรมาเจอกัน 23 ปีต่อมา เมื่อเฟอร์กูสันเป็นผจก. อเบอร์ดีน พบกับเรอัล มาดริด ที่ดิ สเตฟาโน่ คุมในเกมคัพวินเนอร์ส คัพ นัดชิงชนะเลิศปี 1983

การแข่งขันคราวนั้นเป็นทีมของเซอร์อเล็กซ์ที่พลิกล็อกหักปากกาเซียนได้แชมป์มาครองในคืนนั้น และผู้แพ้ที่น่ายกย่องอย่างดิ สเตฟาโน่ ประทับใจในกุนซือชาวสกอตต์

"ความทรงจำที่วิเศษสุดของผม คือตอนที่อเบอร์ดีนชนะเรอัล มาดริด" เฟอร์กูสันกล่าว

"เป็นเกียรติสำหรับผมมากที่ได้เล่นกับเรอัล มาดริด อย่างไรก็ตามการได้ประชันกับดิ สเตฟาโน่ เป็นประสบการณ์ที่เหลือเชื่อจริงๆ สำหรับผม"

"เรอัล มาดริดในตอนนั้นมีซูเปอร์สตาร์เต็มไปหมด ส่วนอเบอร์ดีนกำลังพุ่งขึ้นมา และหลังจากเกมนัดนั้น เขาใจดีมาก และบอกว่าอเบอร์ดีนเป็นทีมที่เงินซื้อไม่ได้ มีสปิริตของครอบครัว และจิตวิญญาณ"

Ads



Related Post