Sbobet Sbobet888

เรื่องวุ่นๆ ก่อนเกมลูกหนังปักกิ่งเกมส์

nookie 2008-08-09 09:48:00

A PHP Error was encountered

Severity: Notice

Message: Undefined variable: tag_links

Filename: site/news-detail.php

Line Number: 47

เรื่องวุ่นๆ ก่อนเกมลูกหนังปักกิ่งเกมส์

       ปัญหาวุ่นๆ ระหว่าง นักฟุตบอล กับ สโมสรสังกัด ในประเด็นการเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน ในช่วงเดือน ส.ค.นี้ ดูจะมีความดุเดือดมากกว่าโอลิมปิกเกมส์ ครั้งไหนๆ เลยก็ว่าได้ เพราะปัญหาที่ดูเหมือนเล็กๆ ซึ่งทั้งสองฝ่ายน่าจะตกลงกันได้เอง กลับบานปลายถึงขั้นต้องพึ่งโรงพึ่งศาลให้เข้ามาเป็นตัวกลางตัดสินปัญหาคาราคาซังที่เกิดขึ้นนานนับเดือน

       ประเด็นของ ลีโอเนล เมสซี่ กองหน้าตัวจี๊ดของสโมสร "เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ดูจะเป็นกรณีตัวอย่างได้ดีที่สุด เนื่องจากดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ ถูกต้นสังกัด ออกมาขัดขวางหัวชนฝา เพื่อไม่ให้นักเตะตัวเก่งของพวกเขาเดินทางไปรับใช้ทีมชาติ อาร์เจนติน่า ในปักกิ่งเกมส์ ครั้งนี้ โดยให้เหตุผลว่า ต้องการให้เมสซี่อยู่ช่วยทีมทำศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก ซึ่งมีคิวเตะคาบเกี่ยวกับทัวร์นาเม้นน์ ดังกล่าว

       เช่นเดียวกับ ดีเอโก้  และ ราฟินญ่า สองแข้งดาวรุ่งชาวบราซิเลี่ยนของ แวร์เดอร์ เบรมเน และ ชาลเก้ 04 ตามลำดับ ที่ต่างก็ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับ เมสซี่ ซึ่งแม้ว่านักเตะเหล่านี้ จะออกมาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนถึงความปรารถนาของเขาที่ต้องการมีส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกมาโดยตลอด

       รวมถึง กฎระเบียบของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ก็มีการระบุชัดว่า สโมสรจะต้องปล่อยนักเตะอายุ 23 ปี หรือต่ำกว่า ไปเล่นโอลิมปิก ให้กับทีมชาติของตัวเอง ตามที่ถูกร้องขอมา แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยให้ ต้นสังกัดของนักเตะ ยอมลดราวาศอก เนื่องจากทีมได้ยื่นเรื่องขอให้ ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา (ซีเอเอส) เป็นตัวกลางในการตัดสินประเด็นวุ่นๆ ทั้งหมด

       และในที่สุด ความพยายามของ 3 สโมสรที่เป็นเจ้าของนักเตะเหล่านี้ ก็เป็นผล เมื่อ ซีเอเอส ได้ออกมาประกาศว่า พวกเขามีสิทธิห้ามไม่ให้ เมสซี่, ดีเอโก้ และ ราฟินญ่า ลงเล่นให้กับทีมชาติของตนเองในโอลิมปิก ซึ่งคำตัดสินนี้ ก็เหมือนเป็นการหักหน้าพี่ใหญ่แห่งองค์กรลูกหนังโลกอย่าง ฟีฟ่า เนื่องจากฉีกกฎที่ระบุไว้อย่างชัดเจน ทั้ง ยังได้แสดงถึงการลดบทบาทและอำนาจความศักดิ์ศรีของฟีฟ่า ลงไปไม่น้อยอีกด้วย

       อย่างไรก็ตาม ก็มีนักเตะหลายคนที่สโมสร เข้าใจและยินปล่อยตัวพวกเขาไปเล่นให้กับทีมชาติด้วยความสมัครใจ ซึ่ง โรนัลดินโญ่ ก็เป็นกรณีตัวอย่างนักเตะที่ได้ทำตามฝันของตัวเอง เพราะตอนที่ยังสังกัดอยู่สโมสรเดียวกับ เมสซี่ เขาเองก็ถูกอำนาจมืดนั้นขัดขวางไม่ให้ไปเล่นโอลิมปิกกับทีมชาติบราซิลมาโดยตลอดเช่นกัน แม้ว่า สถานะของเขาในตอนนั้นจะดูคลุมเคลือกับทีมร่วมถึงร่างกายก็ไม่ค่อยสมบูรณ์อีกด้วย

       และหลังจากที่ "เหยินน้อย" ได้ย้ายมาร่วมทีม เอซี มิลาน ปัญหาทุกอย่างก็ดูจะคลี่คลาย เพราะต้นสังกัดใหม่ ให้ไฟเขียวกับเขาอย่างเต็มใจ โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็เห็นว่าทัวร์นาเม้นต์นี้ น่าจะเป็นการช่วยเรียกความฟิตและความมั่นใจกลับคืนสู่อดีตนักเตะยอดเยี่ยมของโลกอีกครั้ง ทุกอย่างก็เลยลงเอยด้วยดี กว่ากรณีอื่นๆ

       แต่ เหนือสิ่งอื่นใด ประเด็นความภาคภูมิใจ ที่ได้มีส่วนร่วมกับมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ก็น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ นักฟุตบอลระดับพระกาฬ อย่าง โรนัลดินโญ่ หรือ เมสซี่ กระสันอยากที่จะรับใช้ชาติบ้านเกิดของตัวเองไม่แพ้กับรายการลูกหนังใหญ่ๆ อย่าง ฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลระดับทวีป

       โดยแม้ฟุตบอลในรายการโอลิมปิก ซึ่งแต่เดิมมักถูกมองว่า เป็นกีฬาอันดับรองๆ ในทัวร์นาเมนต์ มากกว่ากีฬาชนิดอื่นเสียด้วยซ้ำ เพราะนับตั้งแต่ที่ โอลิมปิก ได้ออกกฎบังคับให้แต่ละชาติใช้นักเตะชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี และเปิดโอกาสให้มีผู้เล่นอายุเกิด ได้เพียง 3 คนเท่านั้น เมื่อปี 1984 เป็นต้นมา จะทำให้มนต์คลังของฟุตบอลโอลิมปิกก็ดูจะเสื่อมคลายลงไป

       แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยความรู้สึกของสปิริตในเกมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ที่มีให้มากกว่าทัวร์นาเม้นต์ลูกหนังไหนๆ ก็ยังถือเป็นแรงดึงดูดความสนใจพวกเขาได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น การประสบความสำเร็จในฟุตบอลโอลิมปิกส์ ก็ยังเปรียบเสมือนการกรุยทางต่อยอดสู่ แชมป์ฟุตบอลโลกครั้ง ต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นหลังจบโอลิมปิกทุกๆ 2 ปี อีกด้วย

       ก็คงได้แต่ภาวนาว่า หนทางต่อไปหลังจากนี้ ของ เมสซี่, ดีเอโก้ และ ราฟินญ่า คงจะหาทางออกและบทสรุปได้แบบสมานฉันท์ทั้งตัวนักเตะและสโมสร ซึ่งแม้ผลการตัดสินของ ซีเอเอส ที่ออกมา จะทำให้บรรดานักเตะ เกิดอาการ "พ่อไม่เข้าใจตุ้ม" อยู่บ้าง แต่ด้วยสปิริตนักฟุตบอลอาชีพ พวกเขาก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

       แต่ขณะเดียวกัน สโมสรที่เป็นกรรมสิทธิ์ในตัวนักเตะ ก็ควรที่จะให้ความเคารพในการตัดสินใจของตัวผู้เล่น มากกว่าผลประโยชน์ของสโมสรแต่เพียงฝ่ายเดียวบ้าง ไม่งั้น ก็คงเข้าข่าย "นักเตะทาส"  อย่างที่ เซ็ป แบล็ตเตอร์ ประธานฯ ฟีฟ่า เคยหลุดปากออกมาก็เปรียบเทียบกับกรณีของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้  กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นได้...

Ads



Related Post