ประวัติส่วนตัว รอย คีน

          รอยคีนเกิดวันที่ 10 ตุลาคม 1971 ที่เมืองคอร์กเขาเริ่มเข้าสู่วงการฟุตบอลกับคอบห์รัมเบลอร์สต่อมาไบรอันเคลาจ์ได้ติดต่อและพาเขาย้ายไปเล่นให้กับน็อตติ้งแฮมฟอเรสต์ในขณะที่เขาอายุได้ 18 ปีโดยการลงสนามนัดแรกของเขาเป็นบทพิสูจน์ตัวเขาเองอย่างแท้จริงเมื่อทีมต้องไปเยือนลิเวอร์พูลทีมซึ่งได้แชมป์ลีกในปีนั้นและเขาก็จบฤดูกาลแรกที่เขาเล่นให้กับทีมแบบเต็มที่กับการลงเล่นในเอฟเอคัพนัดชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในปีค.. 1991 เมื่อเขาอายุได้ 20 ปี

          จากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขาก็ไม่สามารถหลุดรอดผ่านสายตาของผู้จัดการทีมชาติไปได้โดยแจ็คชาร์ลตันผู้จัดการทีมสาธารณรัฐไอร์แลนด์ในขณะนั้นเรียกเขาติดทีมชาติในเดือนพฤษภาคมปีค.. 1991

          ในฤดูกาลหลังจากนั้นน็อตติ้งแฮมฟอเรสต์ทีมของเขาก็พ่ายให้กับทีมยักษ์ใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1 – 0 ในลีกคัพรอบชิงชนะเลิศอีกทั้งทีมต้องตกชั้นในฤดูกาลถัดมาทำให้ในช่วงปิดฤดูกาลการแย่งชิงตัวเขาจึงเกิดขึ้นและผู้ที่สามารถเซ็นต์สัญญาได้ตัวเขาไปร่วมทีมก็คือแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกับค่าตัว 3.75 ล้านปอนด์ซึ่งเป็นค่าตัวที่แพงที่สุดของสโมสรและของทีมในเกาะอังกฤษเวลานั้น

          ในระหว่างที่เขาเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งทักษะการขับเคลื่อนการตัดสินใจและความมุ่งมั่นในเกมทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้ทำให้หลายคนต่างเปรียบเขากับอดีตนักเตะตำนานของทีมไบรอันร็อบสันเลยทีเดียว

 

 

          เขามีตำแหน่งเป็นถึงกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดซึ่งรับช่วงต่อจากเอริคคันโตน่าหลังจบฤดูกาล 1996/97 เมื่อก็องโต้ประกาศแขวนสตั๊ดแต่ก่อนเริ่มฤดูกาลแรกของการเป็นกัปตันทีมเพียงไม่กี่วันเขากลับต้องพบกับอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าทำให้ต้องพักเป็นระยะเวลานานทีเดียว

          มีผู้เชี่ยวชาญหลายต่อหลายคนให้ข้อสังเกตว่าฤดูกาลใดก็ตามที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดสะดุดหรือโชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังนั้นมักสืบเนื่องมาจากการขาดรอยคีนและจากการบาดเจ็บของเขาในเดือนกันยายนปีค.. 1997 ทำให้ทีมปีศาจแดงต้องพลาดแชมป์ในปีนั้นและทีมชาติของเขาเองก็ตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกในปีค.. 1998 ด้วย

          ในฤดูกาล 1998/99 รอยคีนกลับมาลงเล่นด้วยความฟิตเหมือนเดิมและเขาสามารถช่วยทีมได้มากทีเดียวจนกระทั่งในรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพเขาต้องถูกใบแดงไล่ออกจากสนามตามด้วยการถูกใบเหลืองในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ semi-final ที่พบกับยูเวนตุสทำให้เขาไม่ได้ร่วมทีมในนัดแห่งความทรงจำที่บาร์เซโลน่าอย่างไรก็ดีเขาสามารถกลับมาลงเล่นให้กับทีมได้ในนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่พบกับท็อตแน่มฮอตสเปอร์และขึ้นรับถ้วยแชมป์พรีเมียร์ชิพในที่สุด

          การเจรจาเซ็นต์สัญญากับเขาในฤดูกาล 1999/2000 ก็เริ่มขึ้นด้วยการประโคมข่าวต่างๆนานาของสื่อทั้งข่าวที่ว่ากัปตันทีมผู้นี้ปฏิเสธข้อเสนอของสโมสรจนกระทั่งก่อนเริ่มเกมแชมเปี้ยนส์ลีกกับบาเลนเซียก็มีการประกาศออกมาว่าเขาเซ็นต์สัญญาฉบับใหม่กับสโมสรแล้วซึ่งหลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะเล่นให้กับทีมเหมือนไม่มีอะไรหนักอกหนักใจอีกแล้ว

          รอยคีนสามารถทำประตูให้กับทีมได้ถึง 12 ประตูในฤดูกาลนั้นซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นประตูที่ได้ในฟุตบอลถ้วยยุโรปและด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลโดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษหลังจากนั้นเขาก็ยังพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งที่ 7 ของสโมสรในฤดูกาล 2000/2001

          ทางด้านการลงเล่นให้ทีมชาติเขาก็ลงเล่นนัดที่ 50 ให้กับทีมชาติด้วยชัยชนะเหนือไซปรัส 4 – 0 จากฟอร์มการเล่นของเขาช่วยพาทีมผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2002 รอบสุดท้ายได้สำเร็จโดยอยู่ในกลุ่มเดียวกับโปรตุเกสและฮอลแลนด์แต่เขาได้มีปัญหากับผู้จัดการทีมชาติมิคแม็คคาธี่ย์ทำให้ต้องถูกส่งตัวกลับประเทศและไม่สามารถลงเล่นช่วยทีมชาติได้ในขณะนั้นสื่อต่างก็ประโคมข่าวกันมากมายว่าเกิดอะไรขึ้นและทำนายกันว่าจะเกิดอะไรตามมาโดยหลังจากนั้นไม่กี่เดือนรอยคีนก็ออกมาประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติไอร์แลนด์ในที่สุด

          คีนโชคไม่ค่อยดีนักเมื่อต้องเข้ารับการผ่าตัดบริเวณสะโพกและต้องพักไปอีกหลายเดือนในช่วงต้นฤดูกาลและเมื่อเขากลับมาก็ดูเหมือนว่าเขาจะสงบและใจเย็นขึ้นในการลงสนามและแม้ว่าจะมีคำถามมากมายจากแฟนบอลและสื่อมวลชนว่าเขาจะอยู่กับทีมอีกนานแค่ไหนและจะย้ายออกไปเมื่อไหร่แต่รอยคีนเองก็ตอบคำถามนี้ด้วยตนเองว่าผมยังคงมีงานต้องทำที่นี่อีกอย่างน้อย 2 – 3 ปีนี่แหละซึ่งนั่นก็คงสร้างความมั่นใจให้กับแฟนปีศาจแดงได้ไม่น้อย

          ช่วงปี 2005 คีนซึ่งมีอาการเจ็บออดๆแอดๆทำให้ไม่ค่อยได้ลงสนามอยู่แล้วและยังมีเหตุการณ์ที่ทำให้เฟอร์กี้โมโหคีนด้วยซึ่งนั่นก็คือการที่ท่านเซอร์ไปรู้มาว่าคีนกำลังเตรียมตัวที่จะไปเล่นให้ทีมอื่นรวมถึงไปวิจารณ์นักเตะคนอื่นเช่นริโอเฟอร์ดินานว่าค่าเหนื่อยสูงเกินไป (120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์) ปัญหาต่างๆทำให้เซอร์ซึ่งไม่ชอบนักเตะที่ไม่มีวินัยอยู่แล้วปล่อยตัวเขาออกจากทีมไป

          คีนย้ายไปเล่นให้กับเซลติกโดยได้รับค่าเหนื่อ 40,000 ปอนด์เขาทำหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองซึ่งลงข้อความไว้ด้วยว่าเขาตั้งใจที่จะเสียบสกัดอัฟอิงเก้ฮาร์แลนด์อย่างรุนแรงซึ่งส่งผลให้เขาขาหักอย่างสาหัสจนต้องเลิกเล่นไปเลยทำให้คีนถูกปรับเป็นเงิน 150,000 ปอนด์ต่อกรณีดังกล่าวและจบชีวิตการค้าแข้งลงที่นี่ด้วยจำนวนการลงแข่ง 10 นัด

          ชีวิตของคีโน่หวนกลับเข้ามาในวงการฟุตบอลอีกครั้งเมื่อทีมซันเดอร์แลนด์ได้แต่งตั้งคีนให้เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ซึ่งคีนสามารถทำทีมซันเดอร์แลนด์ซึ่งขณะนั้นอยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพทะลุขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ชิพ! สร้างปรากฎการณ์ให้กับคีนเป็นอย่างมาก

          อย่างไรก็ดีการคุมทีมของคีนณศึกพรีเมียร์ลีกไม่ค่อยสู้ดีนักทำทีมพ่ายแพ้หลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งจมสู่ส่วนท้ายของตารางทำให้ต้องไขก๊อกลาออกไปในที่สุด

          ปัจจุบันรอยคีนอดีตกุนซือซันเดอร์แลนด์กลายเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของอิปสวิชทาวน์ทีมในลีกเดอะแชมเปี้ยนชิพเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อแทนที่จิมมาจิลตันที่เพิ่งถูกปลดออกไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

โดยคีนว่างงานมาตลอดหลังลาออกจากการคุมทีมซันเดอร์แลนด์เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อนซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ตัดสินใจหวนคืนวงการฟุตบอลอีกครั้งด้วยการตัดสินใจรับงานคุมทีมอิปสวิชทาวน์ด้วยสัญญายาวสองปีขณะที่เจ้าตัวก็ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเป็นงานที่ท้าทายไม่น้อยในการพาทีมกลับไปเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งหลังตกชั้นมาเมื่อปี 2002

          "มันเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่อย่างมากในการทีมพยายามกลับขึ้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งผมตื่นเต้นนะและก็กำลังมองไปข้างหน้าหลังจากได้พักมาเต็มที่ขณะเดียวกันมันก็เยี่ยมสุดๆที่ได้กลับมาอีกครั้ง"

          "สอง - สามสัปดาห์ที่ผ่านมาผมนั่งคิดมาตลอดว่าผมพร้อมหรือยังหากว่ามีโอกาสเข้ามาตอนนี้ผมเซ็นสัญญาไปสองปีแต่ผมก็จะพยายามพาทีมเลื่อนชั้นให้ได้ภายในปีเดียวเท่านั้น" คีนกล่าว

 

 

Last Update : 2015-07-13